วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

หุ้นไทยปิดตลาดร่วง 3.53 จุด ดัชนีที่ 1,549.11 จุด


 หุ้นไทยปิดตลาดภาคบ่ายลด ลง 3.53 จุด คิดเป็น -0.23% ดัชนีอยู่ที่ 1,549.11 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 75,047.78 ล้านบาท นักวิเคราะห์ เผย เหตุระเบิดสร้างความกังวลระยะสั้น ตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงไทย ยังมีกระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อหุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวดีขึ้น ...

การเคลื่อนไหวของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 15 ส.ค. 59 พบว่า หุ้นไทยปิดตลาดภาคบ่ายลดลง 3.53 จุด คิดเป็น -0.23% ดัชนีอยู่ที่ 1,549.11 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 75,047.78 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มี มูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 4. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ 5. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

ด้าน นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับย่อตัวลงจากผลกระทบของเหตุการณ์ระเบิดใน หลายพื้นที่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม มองว่า เหตุการณ์ระเบิดดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อ Sentiment หรือความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้มากเท่ากับเหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์ในช่วงที่ผ่านมา

"เหตุการณ์ระเบิดที่เกิด ขึ้น มองว่าคงสร้างความกังวลต่อตลาดในระยะสั้น ซึ่งหากทางการมีความคืบหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวที่รวดเร็ว ความเชื่อมั่นก็จะฟืนคืนมาเร็วเช่นกัน เพราะโดยภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยลบอะไร ซึ่งผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฯ ยังคงแข็งแกร่ง อีกทั้ง การเมืองที่เริ่มเข้าสู่เสถียรภาพมากขึ้นหลังการ ทำประชามติผ่านพ้นไปได้ด้วยดีและเริ่มมีขอบระยะเวลา (timeline) ในการจัดการเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2560 ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ผ่านพ้น จุดต่ำสุดและเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม Real Sector และสินค้าเกษตร ซึ่งจะสนับสนุนต่อกำลังซื้อของประชาชนบางกลุ่มในอนาคต" นายมณฑล กล่าว

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงไทยยังคงมีกระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังไหลเข้าอย่างต่อ เนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นขนาดใหญ่ให้ปรับตัวดีขึ้น สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นขนาดกลาง–ใหญ่ บริษัทขอแนะนำกองทุนเปิด วรรณ อีควิตี้ฟันด์ (คอร์ปอเรท 14) ONE-EC14 เน้นลงทุนในหุ้นสามัญขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยผลตอบแทนในรอบ 3 เดือน (ข้อมูล ณ 30 ก.ค. 59) กองทุนให้ผลตอบแทน 13.54% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ให้ผลตอบแทน 8.50% เนื่องจากได้รับผลดีจากเงินทุนต่างชาติที่ไหล เข้าสู่ตลาดหุ้นไทย โดยประเมินกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่ระดับ 1,520-1,560 จุด อย่างไรก็ดี สำหรับนักลงทุนระยะสั้น อาจต้องระวังแรงขายทำกำไรในช่วงที่ดัชนีปรับตัวแตะที่ระดับเกิน 1,550 จุด เนื่องจาก Valuation ของตลาดที่ค่อนข้างสูง

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/691101

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น